แก่นในการใช้ชีวิต — โดย Albert Ellis
Albert Ellis เป็นนักจิตวิทยา ได้พูดถึงแก่นความเชื่อ 12 ข้อ ที่ไร้ประโยชน์และอาจสร้างอารมณ์หรือพฤติกรรมที่ไม่ค่อยปรารถนาสักเท่าไหร่เอาไว้
สวัสดีครับ ไม่ได้เขียนบล็อกมานาน วันนี้ได้มานั่งดูเนื้อหา Cognitive Behavioural Therapy — CBT แล้วก็มาเจอเนื้อหานี้ที่ดูน่าสนใจ เลยถือโอกาสสรุปมาแชร์ครับ
คือรากฐานแก่นของมนุษย์ทุกคนเวลาทำอะไรเนี่ย มันมีเรื่องของความเชื่อที่เป็นแก่นภายในแต่ละคนเป็นตัวขับเคลื่อน แล้วก็สร้างนิสัย วิถีการดำเนินชีวิตแบบต่างๆ ออกมา ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยถ้าคนเราที่เกิดมาในสภาพแวดล้อมเดียวกัน แต่ถ้ามีแก่นความเชื่อแตกต่างกัน วิธีการจัดการกับปัญหาก็จะแตกต่างกันไปด้วย
Albert Ellis เค้าก็ไปศึกษา ว่าภายใต้พฤติกรรมหรืออารมณ์ที่ไม่ดีเนี่ย คนเหล่านั้นเค้ามีแนวคิด ความเชื่ออย่างไร จนกระทั่งสรุปออกมาเป็น 12 ข้อ ของความเชื่อที่ไร้ประโยชน์ได้ดังนี้
- I need love and approval from those significant to me — and I must avoid disapproval from any source.
เราต้องการความรักและการยอมรับจากคนสำคัญสำหรับเรา ดังัน้น เราควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เค้าไม่ยอมเรารับ - To be worthwhile as a person I must achieve, succeed at whatever I do, and make no mistakes.
เพื่อที่จะเป็นคนที่มีคุณค่า เราจะต้องประสบความสำเร็จในทุกๆสิ่ง และห้ามทำผิดพลาด - People should always do the right thing. When they behave obnoxiously, unfairly or selfishly, they must be blamed and punished.
ทุกๆคน ควรจะทำสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าเค้าทำไม่ถูกต้อง เห็นแก่ตัว พวกเค้าควรถูกด่าและลงโทษ - Things must be the way I want them to be, otherwise life will be intolerable.
สิ่งต่างๆ จะต้องเป็นในแบบที่เราอยากให้มันเป็น ไม่งั้นไร้ความสามารถ - My unhappiness is caused by things that are outside my control — so there is little I can do to feel any better.
ความไม่มีความสุขของเรา เกิดจากสิ่งที่เกินกว่าเราจะควบคุมมันได้ ดังนั้น มันเลยมีสิ่งเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่เราทำให้ตัวเรารู้สึกดีขึ้น - I must worry about things that could be dangerous, unpleasant or frightening — otherwise they might happen.
เราต้องกังวลกับสิ่งที่เป็นอันตราย ไม่ปรารถนา ไม่งั้นสิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้น - Because they are too much to bear, I must avoid life’s difficulties, unpleasant or frightening — otherwise they might happen.
เพราะว่ามันมีสิ่งต่างๆมากมายที่จะต้องอดทน ดังนั้นเราควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ชีวิตยุ่งยาก หรือพัง เพราะสิ่งนั้นมันอาจจะเกิดขึ้น - Everyone needs to depend on someone stronger than themselves.
เราทุกคนควรพึ่งพาคนที่แกร่งกว่า - Events in my past are the cause of my problem — and they continue to influence my feelings and behaviours now.
เหตุการณ์ในอดีตเป็นต้นต่อของปัญหาของชั้น และมันส่งผลต่อความรู้สึกและวิถีชีวิตของชั้นในตอนนี้ - I should become upset when other people have problem, and feel unhappy when they’re sad.
เรารู้สึกหัวเสียเวลาคนอื่นๆมีปัญหาและรู้สึกไม่มีความสุขเวลาเค้าเศร้า - I shouldn’t have to feel discomfort and pain — I can’t stand them and must avoid them at all costs.
เราควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจและเจ็บปวด เพราะเราไม่สามารถทนมันได้ และควรจะหลีกเลี่ยงมันในทุกกรณี - Every problem should have an ideal solution — and it’s intolerable when one can’t be found.
ทุกปัญหาควรจะทางออก และมันเป็นสิ่งที่ไร้ความสามารถ เวลาที่คนหาวิธีการไม่พบ
Ref: https://www.rational.org.nz/prof-docs/Intro-REBT.pdf
คิดว่าน่าจะพอแปลได้ใจความประมาณนี้นะ คงยังไม่ได้ลงรายละเอียด เพราะยังไม่ได้อ่านเหมือนกัน ฮาาาา แต่ในจังหวะนี้ ลองนำมาสะท้อนสิ่งที่ตัวเองเป็นกันดู ว่าเรามีความคิดประมาณนี้อยู่บ้างหรือเปล่า แล้วลองพิจารณาดูว่า ความคิดที่เรามีนั้นทำให้เรามีวิถีชีวิต นิสัย อย่างไร
สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากหนังสือเก่าแก่เล่มนี้
Reason and Emotion in Psychotherapy. NY: Lyle Stuart, 1962
หนังสือเก่าแก่ มีคน Cited เยอะ มีงานวิจัยออกมาต่อยอดอีกมากมาย