ขับรถบ้านที่นิวซีแลนด์ ตอน ขับรถ
รถบ้านที่เราเช่า เป็นของเจ้าที่ชื่อ Wilderness ซึ่งเท่าที่เห็นตลาดรถบ้าน ผู้เล่นในตลาดจะเห็นเป็น MAUI กับ JUCY ที่เห็นรถบ้านและรถสำหรับไป Camping กระจายอยู่ทั่วเกาะแทบจะทุกที่ สำหรับแบรนด์อื่นก็มีอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงกับจำได้ เช่นบางแบรนด์เป็นสำหรับรถ Premium เอารถยุโรปมาทำเป็นต้น สำหรับในตอนนี้ จะพูดถึงสิ่งที่แตกต่าง และข้อควรระวังในการขับรถบ้านครับ
ใบขับขี่
อันดับแรก เราสามารถใช้ ใบขับขี่บ้านเราที่มีเป็นภาษาอังกฤษกำกับ สำหรับใช้ในนิวซีแลนด์ได้เลย โดยที่ไม่ต้องขอใบขับขี่ระหว่างประเทศเพิ่มเติม ตอนที่ผมไปก็ไมไ่ด้ทำใบขับขี่ระหว่างประเทศเพิ่มเติม ซึ่งตอนที่ไปรับรถ เจ้าหน้าที่ก็จะขอใบขับขี่ของเราทั้งหมดทุกคนที่เป็นคนขับขี่ไปเก็บข้อมูลก่อน
ส่วนตอนจองรถก่อนไป เค้าก็จะขอข้อมูลผู้ขับขี่ไว้ล่วงหน้าเช่นเดียวกัน
ขับรถบ้าน ยากกว่า ขับรถขนาดเล็กทั่วๆไปมั้ย?
รถบ้านที่เราเช่า เป็นแบบเกียร์อัตโนมัติ เมื่อพูดถึงการขับขี่แล้ว มีจุดที่แตกต่างชัดๆ คือตอนถอยรถ
แม้ตอนถอยรถจะดูลำบาก เพราะว่าคันใหญ่และยาวกว่าปกติ รถบางรุ่นเช่นรุ่นที่เราใช้ จะไม่มีกระจกมองหลังที่ติดอยู่กลางกระจกหน้า แต่สิ่งที่รถชดเชยมาให้คือ กล้อง CCTV ท้ายรถ ที่ทำให้การถอยรถนั้นสะดวกขึ้นมาก
นอกเหนือจากมีภาพแล้ว ก็ยังมีเส้นเป็น Guideline คร่าวๆ ให้ว่าห่างจากท้ายรถเราประมาณกี่เมตร และมีขอบสำหรับหักเลี้ยวให้ด้วยว่า ถ้าถอยรถแล้วหักพ้นท้ายรถเราหรือเปล่า ซึ่งก็พอจะชดเชยเรื่องกระจกมองหลังไปได้ แค่ต้องค่อยๆถอย ตามสไตล์รถใหญ่เท่านั้น บางจุดที่ถอยยากๆ การมีอีกคนนึงช่วยลงไปดูรถให้ก็จะดี
คำแนะนำของผมคือ ถ้าหากมีอีกคนช่วยลงไปดูรถให้ ให้มายืนอยู่ตำแหน่งเดียวกับกระจกคนขับ เพราะว่า ถ้าอยู่ด้านท้ายแล้วพูด หรืออยู่ท้ายรถฝั่งประตูผู้โดยสาร เวลาพูด คนขับจะไม่ได้ยิน ส่วนการตีรถส่งสัญญาณนั้น ก็ไม่ค่อยเวิร์คเช่นเดียวกัน การอยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับคนขับ หรือหน้ารถ จะเป็นการส่งสัญญาณให้คนขับง่ายสุด
ถ้าหากมีอีกคนช่วยลงไปดูรถให้ ให้มายืนอยู่ตำแหน่งเดียวกับกระจกคนขับ
แตกต่าง
ส่วนที่แตกต่างจากการขับรถที่ไทยคือ
ทางวงเวียน – ทางวงเวียนที่นิวซีแลนด์ ไม่ได้มีไฟแดงเหมือนอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิบ้านเรา วงเวียนทั้งหมดไม่เจอไฟแดงเลย ดังนั้น หยุดที่เส้นเสมอ โดยเฉพาะ ถ้าหากรับรถแถวๆ สนามบิน จะเจอวงเวียนเป็นด่านทดสอบด่านแรกที่ต้องเผชิญหยุดที่เส้นเสมอไม่ต้องกลัวว่าคันหลังจะบีบแตรไล่แต่อย่างใด ควรจะไปเมื่อรถในวงเวียนหมด ถ้าหากมีรถจากทางขวาเข้าวงเวียนมา ก็ให้ทางเค้าวิ่งไปก่อน จนกว่าจะไม่มีรถในวงเวียน คือบางที อาจจะมีหลายคัน ก็อย่าเพิ่งใจร้อน ที่นี่ขับรถแบบใจเย็นกันมากๆ ถ้ายังมีรถด้านขวามาต่อให้เป็นนาทีก็รอไปก่อนจนกว่าจะหมด แล้วถึงค่อยขับเข้าวงเวียน นี่เป็นจุดแรกที่ผมพลาด คือด้วยความเคยชิน ก็คิดว่า ถ้าระยะห่างรถพอได้ เราก็เข้าไปได้ แต่ว่า ที่นี่ เค้าจะไม่ลัดกันออกมานะ
หยุดที่เส้นเสมอ – ที่นี่ ถนนไม่ค่อยมีไฟแดงมากนัก แม้กระทั่ง ทางตัดของถนนเส้นเอก เส้นโท ที่เป็นเส้นทางหลัก ก็ไม่มีไฟแดง จงมองดูที่พื้นและหยุดเสมอ เมื่อมีเส้นหยุด เพราะนั่นแปลว่าคุณอยู่ทางโท หยุดเสมอ แม้ว่าจะไม่มีรถ เพราะรถทางหลัก ถ้าไม่มีเส้นหยุด จะวิ่งมาเร็วมาก ในขณะเดียวกัน ถ้าอยู่ทางหลักที่ไม่มีเส้นหยุด ก็วิ่งไปได้เลยเวลาผ่านแยก บางทีจะเหมือนรถจะวิ่งมาชนกัน
เลนเดียว – ถนนที่นี่ เส้นทางหลักก็ยังเป็นถนนเส้นเดียว จงอย่าแปลกใจถ้าหากอยู่บนถนนเส้นหลักของประเทศ แบบดั่งถนนสุขุมวิท แต่มีแค่เลนเดียวให้ขับเท่านั้น ถ้ารถคันหน้าขับช้า ผมแนะนำให้ขับช้าไปก่อน ถ้าเป็นถนนเส้นยาวๆ ประมาณสิบกิโลเมตรจะมีจุดให้แซงได้ คือถ้ารถไม่มี ก็อาจจะแซงได้เลย แต่ถ้ามีรถสวนมา การขับรถบ้านแล้วแซงนั้น จะอันตรายมาก! คือปกติ ถ้าขับรถขนาดเล็กที่บ้านเราจะพอกะได้ว่า ถ้ารถเลยตัวเราไป ก็อาจจะค่อยๆ หักพวงมาลัยกลับมาที่เลนได้ แต่ว่ารถบ้าน มันไม่พอ ควรจะรู้สึกได้ว่า เราแซงไปสักประมาณ 5 วิ หรือพ้นจากตัวเราไปแล้วประมาณ 5 เมตร แล้วจึงค่อยเบี่ยงรถกลับเข้ามา ถึงจะปลอดภัย คำแนะนำของเราคือ ไม่ต้องแซง ยกเว้นถึงจุดที่ให้รถช้าขับชิดซ้ายเท่านั้น
เลนเดียวแล้วยังสวนด้วย – ทางขึ้นเขา ลงเขาที่นี่ บางครั้ง จะมีจุดที่ถนนแคบ คือ รถใช้ทางร่วมแบบชนิดขับได้แค่คันเดียว ใจเย็นๆ ชะลอรถให้ช้า ปกติถ้าเป็นไปได้ผมจะเปิดกระจกด้วย เพื่อให้ได้ยินว่ามีเสียงรถจากอีกฝั่งดังมาหรือเปล่า อีกครั้งที่ถนนที่นี่ไม่ได้มีไฟจราจรเท่าไหร่ แล้วพอเป็นเลนเดียวอีก บางทีก็รู้สึกว่าโคตรอันตรายเลย ถ้าขับเร็วๆ
เผื่อด้านซ้าย – คือนึกถึงเวลานั่งรถเมล์แล้ว ด้านซ้ายชิดขอบฟุตบาทมากๆออกมะ หรือเวลานั่งรถทัวร์แล้วเวลาจอดอะไรชิดด้านซ้ายมากๆ รถบ้านก็คล้ายๆกัน คนด้านซ้ายบางครั้งก็จะรู้สึกเสียวเวลามันชิดเป็นพิเศษเพราะรถมันใหญ่กว่าปกติ นอกเหนือจากเผื่อที่ทางซ้ายเสมอแล้ว เวลาเลี้ยวให้ระวังมุมเลี้ยวเป็นพิเศษด้วย ไม่งั้นรถจะปีนฟุตบาทเอา ตีวงเลี้ยวสักหน่อย
กลางคืนอันตราย – ที่นี่ ไม่ค่อยขับรถกลางคืนกัน แทบจะมีรถสวนน้อยมาก แต่รถที่ขับกลางคืนก็จะขับกันเร็วมากด้วยเช่นกัน ความอันตรายของกลางคืนที่นี่ ไม่ใช่แค่เพียง ถนนไม่มีไฟ แต่คือสัตว์จะออกมาหากินเวลากลางคืนเยอะมาก
ถ้าพูดถึงการขับรถที่นิวซีแลนด์ ความน่าเศร้าใจที่สุดเห็นจะเป็นการที่เราเห็นศพของสัตว์ตายเกลื่อนอยู่ตลอดถนนที่เราขับ มีอยู่ประมาณสองสามวันที่เราต้องขับรถกลางคืนเพราะว่า เดินทางกันไม่ทัน เราเห็นทั้ง กวาง ตัวคล้ายแรคคูน กระรอก กระต่าย ที่ออกมาหากินบนถนน ในขณะที่รถขับเร็ว และเป็นรถใหญ่ การหักหลบ อาจจะทำให้รถเสียหลักเอาได้ง่ายๆ ถ้าให้แนะนำคือ ขับให้ถึงที่พักก่อนไฟมืด นอกจากเพื่อไม่ให้ขับรถเสี่ยงอันตรายแล้ว การถึงที่พักเร็วๆ ที่ Camp site จะทำให้เราได้เห็นวิวพระอาทิตย์ตกดิน ทำอาหารชิวๆมื้อเย็น กินเสร็จ และได้ Location จอดรถดีๆ อีกด้วย
ปิดกระจกและแก๊ส การขับรถบ้าน มี Checklist ที่จะต้องตรวจเช็คก่อนออกรถเสมอคือ ปิดกระจก เก็บเตียง เช็คตู้ทุกตู้ว่าล็อกเรียบร้อย ประตูล็อกเรียบร้อย หน้าต่างพับเก็บ ถึงจะออกรถ สำคัญหมดเลย รถเรามีหลายครั้งที่ตู้ล็อกไม่เรียบร้อย แล้วเมื่อถึงทางโค้ง ก็เทมากองอยู่ที่พื้น ซึ่งก็รบกวน และสร้างความตกใจให้กับคนขับได้ อย่าลืมเก็บแก้วทุกอย่างที่แตกได้ ในชั้นที่อยู่ล่างที่สุด เวลารถตีโค้งแรงๆ จะได้ไม่ตกลงมาแตก
ขับเท่าความเร็วที่กำหนด เพราะมันเร็วสุดได้เท่านั้นจริงๆ เคยมะที่รู้สึกว่า ทำไมบ้านกำหนดความเร็วกำหนดมาช้าเกินไป เราขับได้เร็วกว่าป้ายอีกพอควร แต่การขับรถบ้าน ไม่ใช่อย่างนั้น ให้นึกว่าเหมือนรถบันทุก เวลาป้ายกำหนดความเร็วสูงสุด ควรขับเท่านั้น ไม่ใช่เพียงเพื่อให้ถูกกฏหมาย แต่มันเป็นระยะที่ปลอดภัยแล้วจริงๆ โดยเฉพาะตรงทางโค้ง ที่เราค้นพบว่า ความเร็วที่เกิดมาจากป้ายกำหนดความเร็วสูงสุด เพิ่มความเสี่ยงขึ้นมามากเลยทีเดียว จากอาการรถเซ รถต้องเพิ่มวงเลี้ยว รถไปกินเลนสวน รถลอย ป้ายจำกัดความเร็วทางโค้งจึงควรสังเกตตลอดเวลา เพราะมันจะบอกถึงความคมของถนนโค้ง แต่……
ไม่ใช่ถนนทุกเส้นที่มีป้าย บางถนนก็ไม่มีป้ายบอกความเร็ว ป้ายบอกทางโค้ง แบบว่าต่อให้โค้งหักศอกมากขนาดไหน ก็อาจจะไม่มีป้าย ดังนั้น ถ้าหากมี GPS นำทาง ควรสังเกตความคมของถนนประกอบด้วยนะ
จำนวนคนขับ ในทริปนี้ เราเดินทางโดยมีคนขับรถหลักสองคน สำหรับผม ผมยังรู้สึกว่าเหนื่อยๆ อยู่ คือ ผมไม่ถนัดขับยาว ปกติจะถนัดขับชั่วโมงนึงแล้วก็เปลี่ยนผลัดไปเรื่อยๆ ดังนั้น ถ้ามีคนที่ขับรถช่วยกันผัดกันขับได้มากๆ จะทำให้การเที่ยวเหนื่อยน้อยลง ผมคิดว่า ถ้าขับได้ทั้งสี่คน ก็จะดีมาก เพราะปกติจะมีคนนึงขับ ส่วนอีกคนนึงที่นั่งข้างๆ จะต้องช่วยดูทาง คนที่จะมีโอกาสได้พักคือคนนั่งข้างหลัง ในขณะที่ คนนั่งข้างหน้า และคนขับ จะได้ซึมซับกับวิวรอบข้างมากกว่าคนข้างหลัง ถ้าหากทุกคนขับรถได้ ผมว่าจะทำให้เหนื่อยน้อย และ มีโอกาสได้ซึมซับกับความสวยงามของวิวเท่าๆ กัน ของผม บางวันแค่ขับรถก็รู้สึกหมดแรง ขับเสร็จขอนอนพักเลยละกัน ก็มีอยู่บ้าง
น้ำมันเติมเอง อย่าลืมเครดิตการ์ดมี PIN เพราะบางสถานี อาจจะไม่มีแม้กระทั่งคนอยู่สถานีสักคน และอาจจะต้องใช้เครดิตการ์ดแบบมี PIN เท่านั้นในการจ่ายเงิน (อ่านเพิ่มที่นี่)
ถ้ามีเวลาจะเล่าถึงสถานที่จอดรถในโอกาสต่อๆ ไป