Speed Dating

ช่วง COVID เราทำงานรีโมทจากบ้านกันหมด ดังนั้นถ้าเป็นคนใหม่ๆ คงจะแทบไม่ได้เจอใครเลย แล้วโดยธรรมชาติของ Calendar คือ มี Agenda ถึงจะนัดกัน ยิ่งถ้าเป็นคนนอกโปรเจค คงไม่มีโอกาสได้เจอ สถานการณ์ COVID ในช่วงหลังนี้ ปรับเปลี่ยนวิธีให้เราอยู่กับมันโดยใช้ชีวิตนอกบ้านแบบเป็นธรรมชาติมากขึ้น

ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาจัดกิจกรรม Speed Dating ที่บริษัท โดยจุดเริ่มต้นคือ ออฟฟิตจะเล่นเกมส์ที่บริษัทในช่วงหลังจาก Townhall ที่มีเป็นประจำทุกเดือน (Remote Townhall) ก็เลยถือโอกาสว่าน่าจะมีคนมาออฟฟิตเพิ่มขึ้น จัดกิจกรรมที่น่าจะทำให้คนใหม่ๆ ได้มีโอกาสพูดคุยกับคนอื่นๆ มากขึ้น เป็นที่มาของการจัด Speed Dating ซึ่งไม่ใช่การกิจกรรมหาคู่ แต่เป็นกิจกรรมทำความรู้จักคนใหม่ๆ แบบกำหนดช่วงเวลาสั้นๆ ไว้ให้ อย่างในงานนี้กำหนดไว้ 6 นาที ดังนั้น 1 ชั่วโมง อาจจะได้เจอคนใหม่ๆ ประมาณ 8 คู่ ส่วนเวลาที่เหลือ เผื่อไว้สำหรับ Setup กับ Finishing.

คอนเซปของงานมันคือการเซตช่วงเวลากิจกรรมไว้ให้เลยมีเป้าหมายเพื่อรู้จักคนใหม่ๆ ไม่ต้องไป Sent Calendar Invitation เพื่อเจอคนใหม่ๆ ทีละคน ซึ่งจะเขอะเขินไม่กล้าทำกันสำหรับคนใหม่ๆ เพราะไม่มี Agenda ไง ดังนั้นก็จัดเป็นกิจกรรมกลุ่มซะเลย จะได้ไม่เขอะเขินที่จะเดินไปพบเจอคนใหม่

คอนเซปของ Speed Dating มันเหมือนแบบเดินเจอคู่ใหม่อยู่แล้ว เลยแบบไม่ต้องมี Ice Breaking นำก่อนหน้า ตอนแรกกะจะแค่ว่า อะ ทุกคนมาถึง ก็ไปเดินเจอคนใหม่นะ สั่นกระดิ่งทุกหกนาทีให้ เสร็จจบ คิดไปคิดมา อะ มี Template การรันไว้ให้หน่อยละกัน

 

เหนื่อยมาก

ส่วนสำคัญอันนึงคือเซต Mood and Tone เนื่องจากก่อนจัด Speed Dating ไม่นาน ได้จัด Speed Feedback มาก่อน ตอนนั้นจำได้ว่าปัญหาหลักๆ คือ เหนื่อยมาก เพราะว่า มันคือหนึ่งชั่วโมงที่พูดเกือบตลอดเวลาและใช้สมองหนักมาก ในขณะที่ Speed Dating ถ้าเหนื่อยลักษณะนั้นเรารู้สึกว่ามันคงไม่ใช่การเดทที่รู้สึกอิ่มเอมเท่าไหร่ เพื่อแก้ปัญหานี้ ทำอยู่สองอย่างคือ

  1. เปิดเพลง Background ช่วงรันกิจกรรมเป็นเพลงช้า เป็นเพลงแบบโรแมนติก ให้มันได้กลิ่นอายของความเป็นบรรยาการการเดท ในขณะเดียวกัน Tempo ของเพลง น่าจะช่วยให้จังหวะการคุยกันค่อยๆ คุยกันมากกว่าคุยกันสปีดติดจรวดไปดาวอังคาร
  2. ตอน Setup เลยเซต Tone กับทุกคนว่า “ทุกคนนนนนนนนน ช้าๆ ค่อยๆ ไปนะ แบบว่า ทำตัวให้เหมือนกำลังเดท และ ค่อยๆเอ็นจอยกับโมเมนต์การคุยกับคนใหม่ๆ ไม่ต้องเร่ง ไม่ต้องรีบ แม้ว่าเราจะมีเวลาแค่ 6 นาทีก็ตาม”

เอ่อ ไม่มีเรื่องคุยอะ

ปัญหาที่อยากจะแก้ให้สำหรับคนที่เพิ่งกลับมาเจอกัน เรามีสมมุติฐานว่า ขนาดคนที่เจอคนอยู่ตลอดเวลา ไปวิปัสสนากลับมายังเริ่มต้นพูดไม่ถูกเลย แล้วถ้าเป็นคนที่พูดไม่ค่อยเก่ง มาเจอกันหละ จะทำไง คงยืนเขินๆ สวัสดีทักทายเสร็จจบ แล้วรอไปเจอคู่ใหม่แน่ๆ เพื่อแก้ปัญหานี้ เลยจัด Theme เป็นหัวข้อสำหรับจุดชนวนเริ่มต้นบทสนทนาให้ ในแต่ละรอบ จะได้มีเรื่องที่คุยใหม่ๆ ไม่ใช่แค่พูดแนะนำตัว เหมือนกันทุกรอบ เราคิดว่า มันดูน่าเบื่อในฐานะคนพูด เลยต้องหาอะไรใหม่ๆ มาเปลี่ยนโทนให้ทุกครั้งที่เจอคนใหม่ๆ ได้เปลี่ยนบรรยากาศทุกครั้งไป

สิ่งที่ชอบอย่างนึงคือ เรามานั่งคิดคำถามกันว่า จะเอาคำถามอะไรเป็น Starter ดี ซึ่งถ้าอย่างเราถึงกับต้องไปนั่งหา Speed Dating เมืองนอกจริงๆ ว่าเค้าถามอะไรกันวะ ให้มันสนุก แต่พอมีเพื่อนที่เป็นสายเชี่ยวชาญ เลยได้คำถามสนุกๆ มาเยอะเลย และคำถามบางคำถามเราก็ชอบเพิ่มขึ้นไปอีก ยกตัวอย่างเช่น “ทำยังไงถ้ามี xxx เกิดขึ้นในออฟฟิต” ซึ่งมันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในอดีต แล้วคนเก่าๆ จะได้ยินเรื่องเล่ากันหมด พอเป็นคำถามแบบนี้เหมือนเป็นคำถามที่มีโอกาสที่จะเชื่อมโยงเรื่องราวคนเก่าๆ เข้ากับคนใหม่ๆ ถ้าดันได้เดทด้วยกันพอดี

เจอใครไปนะ

โจทย์ต่อมาคือ จะทำยังไงที่จะช่วยให้คนจำคนอื่นๆ ได้ เพราะเอาเข้าจริงๆ การเจอ 5-10 คนใน 1 ชั่วโมงเนี่ย เชื่อมะ จบกิจกรรมไม่มีใครจำใครได้หรอก อาจจะจำได้คนสองคน ที่ประทับใจ ดังนั้น เป้าหมายของ Speed Dating จึงไม่ใช่การจำทุกคนได้ แต่เป็นการแค่ทำให้คุ้นๆ หน้าว่าเราเคยคุยกันแหละ อย่างน้อย เจอกันในออฟฟิตแทนที่จะเดินผ่านเหมือนคนไม่รู้จักกัน ก็จะได้ที่ปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น คือ ยิ้มเขินแทน เพราะจำชื่อไม่ได้ 5555

เพื่อแก้ปัญหานี้ บังเอิญที่ออฟฟิต จะมีรูปของแต่ละคนอยู่ แปะอยู่บนบอร์ด พร้อมกับชื่อ ตอนเริ่มกิจกรรม ก็เลยให้ทุกคนไปหยิบรูปตัวเองมา แล้วก็ ทันทีที่เจอคู่ใหม่ ก็ขอ Selfie ถ่ายรูปด้วย พร้อมกับรูปที่หยิบมานี่แหละ ส่วนคนไม่มี ก็เขียนชื่อตัวหน้าๆ มาถ่ายรูปกันนะ และ ย้ำชัดๆ ว่านี่เป็น Step 1 หลังจากที่เจอกัน เป็นการบังคับทุกคนไปเลยว่าเจอปุ๊ปถ่ายรูป แล้วไม่ใช่กล้องคนเดียวนะ กล้องของทั้งคู่เลย นี่แหละ พอจบกิจกรรมไป จำไม่ได้ ก็ย้อนกลับไปดูรูปถ่ายได้ ย้อนกลับไปดูรูปบนบอร์ดได้ ว่าเป็นใคร

สรุป

มีคนเข้าร่วมงานอยู่ ~ 40 คน ครึกครื้นดีมาก มั่วๆ หน่อยตอนเดินไปหยิบรูป ส่วนตอนกิจกรรมก็ดูทุกคนเจอคู่ใหม่ได้อย่างมหัศจรรย์ จบกิจกรรม 1 ชั่วโมง รันไปได้ 7 รอบ จากที่แพลนไว้ประมาณ 8 รอบ มีคอมเมนต์มาว่าเหนื่อย เสียงแหบ เพราะเสียงตีกัน ซึ่งเข้าใจได้ สภาพเล้าจ์ที่ 20 คนพูดพร้อมกัน ในพื้นที่ 20-40 ตารางเมตร นี่น่าจะสาหัสอยู่

มานึกได้อย่างอย่าง การจัดก่อน Townhall นี่ทำให้คนที่อยากจะคุยกันต่อหลังกิจกรรมจบนี่เหี่ยวไปหน่อย จัดครั้งหน้าถ้ามี เอาไปจัดโดยที่มี Free time หลังกิจกรรมให้คนพูดคุยต่อน่าจะดีกว่า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *